Health

  • ครีมกันแดด จำเป็นแค่ไหน
    ครีมกันแดด จำเป็นแค่ไหน

    ครีมกันแดด เมื่อผิวของเราได้รับแสงแดด โดยเฉพาะแสงแดดที่แรงมากขึ้นทุก ๆ ปีในบ้านเรา เซลล์ผิวหนังก็จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น และบางคนอาจเกิดปัญหาฝ้า กระ ตามมา ถ้าได้รับแสงแดดจัดมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการแดงหรืออาการถูกแดดเผาได้

    นอกจากนี้รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีในแสงแดดยังอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

    ครีมกันแดด

    ค่า PA ในการป้องกันรังสี UVA

    PA หรือ Protection Grade of UVA เป็นค่าที่แสดงถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ส่วนเครื่องเครื่องหมาย + ที่ตามหลังนั้นคือค่าความสามารถในการปกป้องผิว โดยวัดเป็นเท่าของการเกิดผิวคล้ำดำ (Skin pigmentation) โดยค่า PA จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ระดับ ดังนี้

    PA+ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 1-4 เท่าของผิวปกติ หรือป้องกันได้น้อย

    PA++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่าของผิวปกติ หรือป้องกันได้ปานกลาง (ทำงานในร่ม)

    PA+++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 8-16 เท่า หรือป้องกันได้มาก (ทำงานกลางแดด)

    ค่า SPF ในการป้องกันรังสี UVB ค่าประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีบี (UVB)

    เราจะเรียกว่า SPF (Sun Protection Factor) แต่ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ค่า SPF ก็คือ ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVB ไม่ให้เกิดอาการแดงของผิวหนัง ซึ่งการจะคำนวณระยะเวลาในการป้องกันรังสี UVB จะต้องดูพื้นผิวของเราเป็นหลัก ซึ่งผิวแต่ละคนจะมีระยะเวลาในการป้องกันไม่เท่ากันอยู่แล้ว อย่างเช่น คนผิวขาวเมื่อตากแดดไปเพียง 10 นาที ผิวก็จะเริ่มแดง แต่อย่างคนทั่วไปที่มีผิวสองสีจะต้องใช้เวลาตากแดด 15 นาที ผิวถึงจะเริ่มแดง หรือถ้าเป็นคนผิวสีเข้มหรือผิวดำ ก็อาจจะต้องตากแดดนานถึง 30 นาที ผิวถึงจะเริ่มแดง เป็นต้น

    ส่วนค่าตัวเลขหลัง SPF ที่ระบุไว้ อย่าง SPF 30 นั้นจะหมายถึง การใช้ระยะเวลานานกว่า 30 เท่าของเวลาที่ทำให้ผิวแดงเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เรายังไม่ได้ทาครีมกันแดด เช่น ถ้าเราอาบแดดในหน้าร้อนโดยไม่ได้ทาครีมกันแดดแล้วผิวจะเริ่มแดงในเวลา 10 นาที หมายความว่า SPF 30 จะสามารถป้องกันไม่ให้ผิวแดงได้นาน 300 นาที (5 ชั่วโมง) ดังนั้นหลังจาก 300 นาที ถ้าเรายังต้องโดนแสงแดดอยู่ ก็จำเป็นต้องทาครีมกันแดดซ้ำด้วยครับ แต่จากหลักการข้างต้นนี้เป็นเพียงการอธิบายถึงเวลาที่ต่อเนื่องเท่านั้น

    ประเภทของครีมกันแดด

    ครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical sunscreen) เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำหน้าที่ในการปกป้องแสงแดด ด้วยการดูดซับรังสีเข้าผิวหนังแล้วเปลี่ยนเป็นความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้แสงผ่านลงในชั้นผิวหนังได้ (เนื้อครีมจะเป็นข้น ๆ น้ำนมเหมือนเนื้อครีมทั่วไป ซึมซับได้ง่าย) ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็จะเสื่อมสภาพ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราต้องทาครีมกันแดดทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง สารป้องกันแดดประเภทนี้บางชนิดจะดูดซับได้เฉพาะรังสี UVA หรือ UVB หรือทั้งสองอย่าง สารเคมีที่ใช้ผสมในครีมกันแดด คือ Panimate O, Bensophenone, Cinnamates, Antranilate, Homosalate และ Oxybenzene ซึ่งครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ง่ายขึ้นด้วย โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย

    ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) จะมีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ที่ตกกระทบให้ออกไปจากผิวหนังได้ ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่ข้อเสียของครีมกันแดดประเภทนี้คือจะไม่สามารถให้ค่า SPF ที่สูงได้ เนื้อครีมจะไม่ละเอียดมากนักหรืออาจเป็นขุยหน่อย ๆ คล้ายกับมีแป้งผสมเพราะเป็นเหมือนรองพื้นในตัวได้ด้วย และเมื่อนำมาทาบนผิวหนังแล้วจะทำให้ดูวอกหรือดูขาวมากจนเกินไป (เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบนเพื่อรอแสงมากระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย) อีกทั้งยังล้างออกได้ยากอีกด้วย

    ครีมกันแดดชนิดผสม (Chemical-Physical sunscreen) เป็นแบบผสมที่ช่วยเสริมข้อดีและลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนังจากสารเคมี ลดความขาวเมื่อทาครีม และช่วยเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน

    ข้อดีของครีมกันแดด

    1.เป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี UV อันตราย

    2.ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

    3.ลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง

    4.ลดการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า

    5.ป้องกันผิวไหม้

    6.ป้องกันผิวหมองคล้ำ

    7.บำรุงผิวให้แข็งแรง

    8.ครีมกันแดดปกป้องผิวได้ดีกว่าเสื้อแขนยาว

    ข้อเสียของครีมกันแดด

    ผิวแพ้ง่ายขึ้น เกิดการระคายเคือง หรือมีรอยแดงที่ผิว เนื่องจากครีมกันแดดมีส่วนผสมบางตัวที่ทำให้ผิวแพ้สารต่าง ๆ ได้ง่าย ควรล้างออกและหยุดใช้ รวมทั้งปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อเลือกใช้ครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดตัวอื่นแทน กระตุ้นให้เกิดสิวได้

    สรุป ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสี UV (Ultraviolet) ที่มาจากแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิว และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำให้สีผิวคล้ำได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของทุกคน

    ที่มา

    medthai.com

    sixteem.com

    ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ decorspectacles.com

     

Economy

  • หุ้นท่องเที่ยวดี
    หุ้นท่องเที่ยวดี

    หุ้นท่องเที่ยวดี

    ดัชนีหุ้นไทยวันที่ ปิดที่ 1,626.80 จุด บวก 9.25 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 29,439.53 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 34.94 ล้านบาท

    หุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากแรงซื้อหุ้นใหญ่นำโดยกลุ่มพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์ และคาดหวัง การทำ Window Dressing และเม็ดเงิน SSF & RMF ไหลเข้าโค้งสุดท้ายปลายปี

    บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า จีนมีทิศทางการผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นครั้งแรกที่มีการยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ แต่ยังคงต้องตรวจ PCR ก่อนขึ้นเครื่องจากประเทศต้นทาง 48 ชั่วโมง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66

    ทั้งนี้ หลังจากทางการจีนประกาศมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ยอดค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศของจีนพุ่งขึ้นทันทีกว่า 7 เท่า สร้างความคาดหวังต่อภาคการท่องเที่ยว ภาคการค้า การจับจ่ายใช้สอยให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจจีน ขยายตัวต่อได้ในปีหน้า (IMF คาดปี 66 จีนขยายตัว 4.4%YoY) และดีต่อหุ้นท่องเที่ยว

    ส่วนกรณีที่ รมว.พลังงาน เผยว่า นายกรัฐมนตรีสั่งให้ทบทวนราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ให้ถูกลงกว่า 190.44 สตางค์/หน่วย (งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2566) หรือเป็นค่าไฟเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชน 5.69 บาท/หน่วย

    ประเด็นนี้ เอเซียพลัส คาดเป็นหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในอนาคต โดยประเด็นเรื่องเงินเฟ้อสูง และการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ กนง.ต่อ ถือเป็นอีกประเด็นที่คอยรบกวน และจำกัด Ups ตลาดหุ้นไทยในปี 66 โดยปัจจุบันประเมินดัชนีเป้าหมายปี 66 ภายใต้สมมติฐานดอกเบี้ย 1.5% อิงกับ MEYG เฉลี่ย 4.2% จะได้ P/E ที่เหมาะสม 17.4 เท่า เมื่อคูณกับ EPS66F 99.2 บาท/หุ้น (เติบโต 6%) จะได้ Target SET 1,740 จุด!!

    หุ้นท่องเที่ยวดี

    ด้าน บล.โกลเบล็กประเมินหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายของปี 65 แกว่งแคบ เนื่องจากใกล้วันหยุดยาว บวกกับไม่มีปัจจัยใหม่สนับสนุน แต่ยังคงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หลายคนกังวลว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 66 และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,605-1,630 จุด

    แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์การท่องเที่ยวฟื้น ชู MINT-CENTEL-ERW น่าลงทุน!!

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    ามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : decorspectacles.com